SEC ตื่นตัวกับการกำกับดูแลคริปโตเคอร์เรนซี

หลังจากใช้วิธีการแบบ “ตีหนูนอกไล่หนูใน” มานาน SEC ในฐานะประธานรักษาการ Mark T. Uyeda ได้ริเริ่มแนวทางใหม่ด้วยการจัดตั้ง “คณะทำงานคริปโตเคอร์เรนซี” นำโดย Hester Peirce ผู้ได้รับการขนานนามว่า ‘แม่พระแห่งคริปโต’ เพื่อสร้าง “ขอบเขตการกำกับดูแลที่ชัดเจน” และ “เส้นทางการจดทะเบียนที่เป็นไปได้” ช้ากว่าที่ควรแต่ก็ดีกว่ามาไม่ถึง

เหตุใดเรื่องนี้จึงสำคัญ

แนวทางปัจจุบันของ SEC ที่ใช้การฟ้องร้องเป็นเครื่องมือกำกับดูแล สร้างสิ่งที่เรียกว่า “ค่าปรับสำหรับนวัตกรรม” โครงการที่ถูกกฎหมายต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน ในขณะที่ผู้ไม่หวังดีใช้ช่องโหว่กฎหมาย จากข้อมูลการติดตามการดำเนินการของ SEC ตั้งแต่ปี 2020 พบว่าความสัมพันธ์ระหว่างการบังคับใช้กฎหมายและความผันผวนของตลาดสูงถึง 0.73

ประเด็นหลัก:

1. การกำหนดขอบเขตอำนาจ (ยุติข้อโต้แย้งระหว่าง SEC และ CFTC)
2. ขั้นตอนการจดทะเบียนที่ใช้งานได้จริง (ปัจจุบันคลุมเครือเหมือนเอกสารไวท์เปเปอร์ของ Bitcoin)
3. กรอบการเปิดเผยข้อมูล (เพราะคำว่า “DYOR” ไม่เพียงพอสำหรับเงินทุนสถาบัน)

บทบาทของ Hester Peirce

การนำทีมของ Commissioner Peirce มีความสำคัญ จากประวัติการคัดค้านกรณีคริปโตแสดงว่าเธอเข้าใจความต้องการพื้นที่สำหรับนวัตกรรม แต่เตรียมใจไว้ นี่ไม่ใช่ใบอนุญาตแบบไร้เงื่อนไข คาดว่าจะมีมาตรการปกป้องนักลงทุนที่เข้มงวดในรูปแบบที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม

ทิศทางต่อไป

คณะทำงานจะประสานงานกับ:

• สภาคองเกรส (ขอให้โชคดี)
• CFTC (เตรียมตัวสำหรับสงครามแย่งอำนาจ)
• หน่วยงานกำกับดูแลระหว่างประเทศ (ความพยายามในการสร้างความสอดคล้อง)

คำทำนาย: เราจะเห็นกฎหมายเสนอภายใน 12 เดือน โดยอาจเน้น stablecoin และโซลูชันการเก็บรักษาทรัพย์สินก่อน ผลิตภัณฑ์ระดับสถาบันจะได้ประโยชน์มากที่สุด ส่วนโปรโตคอล DeFi… เรียกได้ว่ายังไม่ต้องปรับพารามิเตอร์ “ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ” ในเร็ววัน

สิ่งที่ต้องจับตา:

1. การเลือกบุคลากร (ยิ่งมีอดีตบุคคลากรจากอุตสาหกรรมมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นสัญญาณที่ดี)
2. ร่างนโยบายฉบับแรก (มองหาคำจำกัดความของ “การกระจายอำนาจที่เพียงพอ”)

นี่อาจให้ความชัดเจนที่แบบจำลองของเราต้องการเพื่อประเมินความเสี่ยงด้านกฎระเบียบอย่างเหมาะสม หรืออาจเป็นเพียงโอกาสให้ทนายเรียกค่าแรงมากขึ้น เท่านั้นก็เป็นได้